GAC AION พาสัมผัสสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะของ AION Y Plus 490 Premium

GAC AION พาสื่อมวลชน ทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด AION Y Plus 490 Premium ที่อัปเกรดฟังก์ชันใหม่ 24 รายการ ภายใต้กิจกรรม Road Trip SMART CAR for Smart Living เส้นทางกรุงเทพ – เขาใหญ่ ด้วยระยะทางไปกลับ 460 กม. ช่วงล่างแน่นนุ่ม ขับสนุก ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม

 

เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 67 ที่ผ่านมา GAC AION (จีเอซี ไอออน) ได้นำคณะสื่อมวลชน และอินฟลูเอนเซอร์เดินทางไปทดสอบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด AION Y Plus 490 Premium ภายใต้กิจกรรม Road Trip SMART CAR for Smart Living เส้นทางกรุงเทพ – เขาใหญ่ ระยะทางไปกลับรวมทั้งสิ้น 460 กิโลเมตร โดยระหว่างการเดินทางมีจุดเช็คพ้อยตามสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังภายในเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้สัมผัสสมรรถนะ และการขับขี่อัจฉริยะเต็มระบบ

 

สำหรับจุดแข็งของรถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus 490 Premium ที่สำคัญคือ ระยะฐานล้อยาวสุด 2,750 มม.ช่วยให้ห้องโดยสารกว้างขึ้น พื้นที่วางขาเบาะหลัง 1,020 มม. มากที่สุดในรถกลุ่มเดียวกัน

 

นอกจากนี้ยังประตูรถเปิดกว้างสุดเกือบ 90 องศาถือว่ามากที่สุดในรถกลุ่มเดียวกัน และขอบประตูราบเสมอพื้น การขึ้นลงรถได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ขึ้น-ลงรถสะดวก พื้นรถเรียบซึ่งหากนั่งกัน 5 คนก็ไม่แออัด เรียกได้ว่าสมาชิกในครอบครัวสามารถนั่งได้สบายขึ้น

 

ขณะเดียวกันเบาะหน้าสามารถปรับแบนราบกลายเป็นเตียงขนาดใหญ่ สามารถนอนพักผ่อนสบายกว่าการนั่งทั่วไป และยังสามารถพับเบาะหลังกลายเป็นพื้นที่บรรทุกสัมภาระพื้นเรียบความจุรวม 1,200 ลิตรอีกด้วย

 

สำหรับฟังก์ชันใหม่ของ AION Y Plus 490 Premium ที่ได้รับการอัปเกรด 24 รายการมีดังนี้

1. ระบบไฟสูงอัจฉริยะ (IHBC)

2. ระบบฝาท้าย เปิด-ปิด อัจฉริยะ (Smart Tailgate)

3. เบาะนั่งคนขับพร้อมระบบระบายอากาศ (Front Seat Ventilation)

4. ระบบ Welcome Seat ปรับระดับที่นั่งอัตโนมัติเมื่อเปิดประตูรถ

5. เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับด้วยไฟฟ้าแบบ 4 ทิศทาง

6. เบาะผู้โดยสารตอนหลังพร้อมพนักพิงศีรษะ

7. เบาะผู้โดยสารตอนหลังพร้อมที่พักแขน

8. กระจกมองหลังแบบตัดแสงสะท้อนอัตโนมัติ

9. ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light 32 เฉดสี เปลี่ยนสีอัตโนมัติตามจังหวะดนตรี

10. ล้อดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว

11. ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC S&G)

12. ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (ICA)

13. ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า (FCW)

14. ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)

15. ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ (TJA)

16. ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)

17. ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร (LKA)

18. ระบบกล้องมองภาพแบบพาโนรามา Panorama HD 540 องศารอบตัวรถ

19. ระบบนำทางเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตออนไลน์ (Navigation System)

20. ระบบสั่งการด้วยเสียง ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (Voice Command TH/EN)

21. ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charging)

22. ระบบควบคุมคำสั่งรถยนต์จากระยะไกล ผ่าน Application

23. สายชาร์จฉุกเฉิน Emergency Charger

24. ระบบเชื่อมต่อและจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอก (V2L)

 

ขณะเดียวกัน APPLICATION ของ AION ก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ไม่ใช่แค่รู้สถานะของตัวรถ แต่ยังสามารถควบคุมด้วยคำสั่งระยะไกล ล็อครถ สตาร์ท เปิด-ปิดหน้าต่าง ไปจนถึงการเปิดปิดแอร์ ช่วยให้เจ้าของรถสามารถวางแผนการเดินทาง และเตรียมรถให้พร้อมออกเดินทางทันทีเมื่อมาถึงรถ

 

นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบสถานะต่างๆ ของรถผ่านฟังก์ชันการสแกนสถานะรถ ช่วยให้คุณทราบถึงสถานะ ประตูรถยนต์, หน้าต่างรถยนต์,การล๊อครถ, ฝากระโปรงหลังรถ,แรงดันแบตเตอรี่และระดับน้ำมันเบรค

 

เรียกได้ว่าไม่ว่าจะใกล้หรือไกล จอดไว้ที่ไหนก็หาเจอ ด้วยฟังก์ชันการระบุพิกัดของรถ พร้อมคำสั่งกระพริบไฟและส่งเสียง รวมถึงระบบแจ้งเตือนช่วยให้ทราบข้อผิดพลาดต่างๆ และแก้ไขได้ทันที ครอบคลุมถึง ระบบกันขโมย การเปิดกระจกรถยนต์ หรือเปิดท้ายรถทิ้งไว้ รวมถึงการตั้งเวลาเครื่องปรับอากาศทิ้งไว้อีกด้วย

 

 

AION Y Plus 490 ขับสนุก ช่วงล่างดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์เริ่ด

หนึ่งในผู้ร่วมทริป Road Trip SMART CAR for Smart Living ให้ความเห็นว่า รู้สึกประทับใจที่ได้ร่วมทดสอบรถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus 490 Premium หลายจุด โดยเฉพาะช่วงล่างของรถ และการเก็บเสียงที่ทำได้ดีในเซกเมนต์เดียวกัน

 

นอกจากนี้ยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 4 แบบ Eco, Normal, Sport และ i-Pedal ถ้าชอบแบบไหนก็สามารถกดได้ทันที ส่วนระบบความปลอดภัยที่มากับรถก็ถือว่าครอบคลุม โดยเฉพาะระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร

 

ที่สำคัญ AION Y Plus นอกจากจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับครอบครัวแล้ว ยังเหมาะกับคนที่ชอบเดินทางออกจากต่างจังหวัดอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นความสูงของตัวรถที่สามารถขับลุยได้ทุกสถานการณ์ ช่วงล่างนุ่มไม่กระด้างเมื่อเจอกับสภาพถนนที่ขรุขระ เรียกได้ว่าขับทางไกลแล้วไม่เหนื่อย

 

ส่วนการกักเก็บพลังงานของแบตเตอรี่ก็ถือว่าทำได้ดี จากกรุงเทพถึงที่พักเขาใหญ่ระยะทางประมาณ 240 กิโลเมตร แบตเตอรี่เหลืออยู่ประมาณ 30% ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว เนื่องจากตลอดเส้นทางมีเนินและทางลาดชันอยู่เป็นระยะๆ ขณะที่ระบบเอ็นเตอร์เทนเมนท์ภายในรถมีระบบการสั่งงานด้วยเสียงรองรับภาษาไทย และมี Wireless Charging เพียงแค่วางสมาร์ตโฟนก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ทันทีเรียกได้ว่าตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้ดีเลยทีเดียว