เอ็มซี20 ดาวแห่งกู๊ดวูด เฟสติวัล ออฟ สปีด 2024

ยนตรกรรม 2 รุ่นพิเศษ - เอ็มซี20 ไอคอนา และเอ็มซี20 เลจเจนดา เผยโฉมครั้งแรก

พร้อมกับเอ็มซี20 แชโล่ ฟูออริเซรี และเอ็มซี12 เวอร์ชอนเน คอร์ซา

 

มาเซราติได้เข้าร่วมงานกู๊ดวูด เฟสติวัล ออฟ สปีด 2024 (Goodwood Festival of Speed 2024) ในวันที่ 11-14 กรกฎาคม ที่ผ่านมา อย่างยิ่งใหญ่ด้วยการอวดโฉม เอ็มซี20 สุดยอดนวัตกรรมยานยนต์ที่ไม่มีใครเหมือน และถูกรังสรรค์มาเพื่อ        เฉลิมฉลองความเป็นเลิศของซูเปอร์สปอร์ตคาร์

 

รถยนต์รุ่นนี้เป็นรถแฟลกชิปของค่ายตรีศูล ด้วยสไตล์ที่โดดเด่น โดยเปิดตัวเมื่อปี พ.ศ. 2563 เป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ติดตั้งเครื่องยนต์เน็ททูโน วี 6 สูบ ไม่เหมือนใคร และถูกรังสรรค์ขึ้นให้เป็นผู้นำในทุกคลาส ทั้งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า รถคูเป้ และ รถเปิดประทุน และยังพร้อมที่จะเป็นตัวเต็งในสนามแข่งที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมที่สุดในโลกอีกด้วย

 

หนึ่งในอีเวนต์มอเตอร์สปอร์ตสุดท้าทายนี้ คือ กู๊ดวูด เฟสติวัล ออฟ สปีด 2024 ที่จัดขึ้นในเวสต์ซัสเซกซ์ ทางใต้ของอังกฤษ ซึ่งจะมีการรวมตัวกันของสุดยอดระดับตำนาน ไม่ว่าจะเป็นนักแข่ง ทีม และฮีโร่ในวงการมอเตอร์สปอร์ต รวมถึงรถยนต์ที่      เท่ที่สุด เด่นที่สุด ทั้งรุ่นขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อจากอดีตถึงปัจจุบัน

 

ในงานกู๊ดวูดปีนี้  มาเซราติ ส่งเอ็มซี20 รุ่นพิเศษถึง 2 คันมาเปิดตัวในงาน ได้แก่ เอ็มซี20 ไอคอนา และ เอ็มซี20 เลจเจนดา ที่ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 20 คัน ยนตรกรรมทั้งสองรุ่นนี้ผลิตขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวันครบรอบของมาเซราติ ในฐานะแบรนด์ที่มีอดีตอันรุ่งโรจน์ในสนามแข่งเอฟไอเอ จีทีมาตลอด

 

รถยนต์ทั้งสองรุ่น ถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเอ็มซี12 และการที่มาเซราติหวนคืนสู่สนามแข่งอีกครั้งใน 2 ทศวรรษที่ผ่านมา นับจากที่ได้กลับสู่แทร็กอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2547 หลังห่างหายจากบัลลังก์มอเตอร์สปอร์ตไปถึง 37 ปีเต็ม

 

ในการฉลองครบรอบการคืนสังเวียนครั้งนี้ รถยนต์พิเศษทั้งสองรุ่นได้ถูกออกแบบใหม่โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเอ็มซี12    สตราดาเล่ (MC12 Stradale) และ เอ็มซี12 จีที1 ไวทาโฟน (MC12 GT1 Vitaphone) ตามลำดับ แต่ละคันมีฟีเจอร์ที่มาจากโปรแกรมฟูออริเซรีที่สามารถปรับแต่งรถได้ตามความต้องการเฉพาะตัวของลูกค้า ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและภายในที่   จัดมาเป็นพิเศษ และนำเสนอต่อลูกค้าทั่วไปให้ได้ร่วมชื่นชมรถยนต์เหล่านี้ในที่สุด

 

เอ็มซี20 ไอคอนา และ เอ็มซี20 เลจเจนดา ถูกนำไปจัดแสดงที่ Supercar Paddock ซึ่งเป็นจุดโชว์สุดยอดรถยนต์ที่ทำให้    ทุกคนลืมหายใจ มีสมรรถนะเยี่ยมยอด และยังมีเพื่อนร่วมบ้านระดับไอคอนจากค่ายตรีศูลอีกรุ่นหนึ่ง คือ เอ็มซี12 เวอร์ชอนเน คอร์ซา (MC12 Versione Corse)

 

เอ็มซี12 เวอร์ชอนเน คอร์ซา ผลิตขึ้นในปี พ.ศ. 2549 โดยพัฒนามาจากรถในตระกูลรถแข่ง แต่เป็นรถสำหรับวิ่งบนถนนธรรมดาและผลิตในจำนวนจำกัดเท่านั้น (เพียง 12 คันและรถต้นแบบอีก 1 คัน) ติดตั้งเครื่องยนต์ วี12 ทรงพลัง 755 แรงม้า และเป็นรถยนต์ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ให้แก่วงการมอเตอร์สปอร์ตของโลก

 

สำหรับรุ่นสุดท้ายของมาเซราติที่มาร่วมประกาศศักดาที่ Supercar Paddock ในงาน ได้แก่ เอ็มซี20 แชโล่ ในสี บลู วิคตอรี (MC20 Cielo in Blu Victory) ที่สะกดทุกสายตากับสีสันที่สดใสและประณีต และหลังคากระจกแบบเปิดได้พร้อมฝาปิดสีขาวที่จะสร้างประสบการณ์พิเศษให้แก่ผู้ที่ได้เห็น

 

สีน้ำเงินเมทัลลิกของเอ็มซี20 แชโล่ ในสี บลู วิคตอรี ถูกพัฒนาขึ้นในโครงการ Collezione Corse Fuoriserie และถูกเลือก  มาให้สะท้อนถึงความสำเร็จอันโด่งดังของเอ็มซี12 เมื่อ 20 ปีก่อน

 

ภายในงานกู๊ดวูด เฟสติวัล ออฟ สปีด 2024 รถยนต์เอ็มซี20 ไอคอนา เอ็มซี20 เลจเจนดา และเอ็มซี20 แชโล่ จะได้โชว์พลังที่เหนือชั้นและรูปลักษณ์ที่สะดุดตาในขณะที่เข้าร่วมการแข่งขึ้นเขา ซึ่งเป็นไฮไลต์ของงานที่ทุกคนพลาดไม่ได้ เพราะรถแข่งทั้งรถคลาสสิกและโมเดิร์นทุกคันรวมทั้งมอเตอร์ไซค์จะอวดโฉมผ่านการขึ้นเนินระยะทาง 1.16 ไมล์ และเป็นโอกาสที่  มาเซราติจะได้นำสุดยอดยนตรกรรมพิเศษออกมาสะกดทุกสายตา

 

การเข้าร่วมสุดยอดเทศกาลที่เป็นที่รอคอยในอังกฤษนี้ ยังไม่จบเพียงเท่านี้ แต่มาเซราติยังได้นำรถยนต์รุ่นล่าสุดในตระกูล     โฟลกอเร มาร่วมโชว์ตัวด้วย นั่นก็คือ กรันคาบริโอ โฟลกอเร (GranCabrio Folgore) ซึ่งเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เปิดประทุนในตลาดรถหรูที่วิ่งได้เร็วที่สุด สปอร์ตคาร์เปิดประทุนคันนี้ออกแบบมาให้มี 4 ที่นั่ง เหมาะสำหรับการเดินทางใกล้และไกล และยังจะสะกดทุกสายตาของผู้เข้าชมงานในโซน Electric Avenue สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของงานกู๊ดวูด     เฟสติวัล ออฟ สปีด ด้วย

 

เครื่องยนต์ที่ติดตั้งในกรันคาบริโอ โฟลกอเรเป็นเทคโนโลยีที่ให้ไฟฟ้า 800 โวลต์ โดยพัฒนามาจากโซลูชั่นเทคโนโลยีอันทันสมัย ที่การันตีสมรรถนะสูงเหนือใครพร้อมทั้งตัวรถที่มีดีไซน์โดดเด่นและรังสรรค์มาด้วยสเป็กที่เปี่ยมนวัตกรรม จนเกิดเป็นรถยนต์เปิดประทุนที่หรูหราและมีเอกลักษณ์มากที่สุดคันหนึ่ง